รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการวิจัยและทดลองใช้แก๊สโซฮอล์ที่ผสมเอทานอลตั้งแต่ ร้อยละ 20 ขึ้นไปในรถยนต์และรถจักรยานยนต์

(ดำเนินโครงการในปี พ.ศ. 2551) เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ กระทรวงพลังงานโดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน จึงได้มีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนเพื่อชดเชยการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศพลังงานทดแทนที่สามารถผลิตได้เองในประเทศ จึงมีความจำเป็นและสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก ปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ผสมเอทานอล ร้อยละ10 ที่เรียกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 กันอย่างแพร่หลายและมีความต้องการใช้ในปริมาณเพิ่มขึ้นตลอดเวลา รถยนต์ที่มีระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดสามารถใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 ได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนยานยนต์แต่อย่างใด แต่สำหรับเครื่องยนต์ที่มีระบบจ่ายน้ำมันแบบคาร์บิวเรเตอร์ ทางบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยังไม่แนะนำให้ใช้ [1] และจากการศึกษาพบว่าปัจจุบันมีการใช้น้ำมันเบนซินผสมเอทานอลเป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์กันอย่างกว้างขวางในหลายประเทศ เช่น ประเทศบราซิล, สวีเดน, สหรัฐอเมริกา และแคนาดา เป็นต้น โดยสัดส่วนการผสมเอทานอลในน้ำมันเบนซินมีปริมาณตั้งแต่ 3% จนถึง 85% โดยปริมาณและในบางประเทศได้มีการใช้เอทานอล 100% เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์อีกด้วย

สำหรับประเทศไทยได้มีการส่งเสริมการใช้น้ำมันเบนซินผสมเอทานอลร้อยละ10 โดยปริมาณมาตั้งแต่ปี 2544 โดยมี บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิตและให้บริการ [2] แต่เนื่องจากมีการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ รัฐบาลจึงมีนโยบายที่จะเพิ่มสัดส่วนเอทานอลในน้ำมันเบนซินให้มากกว่าร้อยละ 20 เพื่อลดการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศลง ทั้งนี้เพราะประเทศไทยมีความพร้อมในเรื่องวัตถุดิบจำพวกอ้อย, กากน้ำตาล และ มันสำปะหลัง ที่ใช้ในการผลิตเอทานอล และการเพิ่มสัดส่วนเอทานอลในน้ำมันเบนซินยังเป็นการช่วยให้ราคาสินค้าทางการเกษตรมีราคาเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย

รัฐบาลจึงมีนโยบายส่งเสริมให้ผู้ใช้รถยนต์หันมาใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมเอทานอลมากขึ้น จึงได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานโดยกรมธุรกิจพลังงาน กำหนดคุณลักษณะของน้ำมันเบนซินที่มีส่วนผสมของเอทานอลร้อยละ 20 หรือที่เรียกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เพื่อให้บริษัทผู้ผลิตน้ำมันได้มีมาตรฐานในการผลิตน้ำมันออกจำหน่าย และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 เป็นต้นไป โดยบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) ได้เปิดจำหน่ายพีทีที E20 พลัส ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จำนวน 12 สถานี บริษัท บางจาก จำกัด(มหาชน) ได้เปิดจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 จำนวน 5 สถานี นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังได้ลดภาษีสรรพสามิตลงร้อยละ 5 สำหรับรถยนต์ใหม่ที่ได้ออกแบบมาให้ใช้ได้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่1 มกราคม 2551 เป็นต้นไป มีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จำนวนหลายรายได้ตอบสนองต่อนโยบายนี้เป็นอย่างดี จึงได้ผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นไปให้สามารถใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮฮล์ E20 ได้ แต่เนื่องจากรถยนต์รุ่นใหม่มีการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างช้า ๆ ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ก็ค่อย ๆ เพิ่มอย่างช้า ๆ เช่นกัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันไม่อยากเปิดหัวจ่ายเพื่อจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เนื่องจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันมีน้อยไม่คุ้มกับการลงทุนในการล้างและเคลือบถังเก็บใหม่ ดังนั้นเพื่อให้มีการเพิ่ม

Data and Resources

Additional Info

Field Value
* Data Type ข้อมูลประเภทอื่นๆ
เอกสารรายงานฉบับสมบูรณ์โครงการวิจัยและทดลองใช้แก๊สโซฮอล์ที่ผสมเอทานอลตั้งแต่ ร้อยละ 20 ขึ้นไปในรถยนต์และรถจักรยานยนต์
Allow for harvest to GD-Catalog Yes
* Contact Person กองพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ
* Contact Email bioethanol@dede.go.th
* Objective
  • ยุทธศาสตร์ชาติ
  • พันธกิจหน่วยงาน
* Update Frequency Unit ตามเวลาจริง
Update Frequency Interval
* Geo Coverage ไม่มี
* Data Source รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการวิจัยและทดลองใช้แก๊สโซฮอล์ที่ผสมเอทานอลตั้งแต่ ร้อยละ 20 ขึ้นไปในรถยนต์และรถจักรยานยนต์ (ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง)
* Data Format PDF
* Data Category ข้อมูลสาธารณะ
Data Classification
* License Creative Commons Non-Commercial (Any)
Accessible Condition ไม่มี
Data Support สถาบันการศึกษา
Data Collect ไม่มี
URL
Data Language
  • ไทย
  • อังกฤษ
Created date September 29, 2022
Last updated date September 29, 2022
High Value Dataset No
Reference Data
Create by Gravatar พอพันธ์ สร้อยน้อย
Created September 29, 2022
Last Updated August 21, 2024